เกมในนัดนี้ ควันหลงเกมเอลกลาซิโก้เมืองไทยที่กิเลนผยองบุกเฉือนฉลามชลคารัง

unitedteamsports.com

เกมในนัดนี้

เกมในนัดนี้ เจาะลึก 4 สิ่งที่เห็น หลัง “กิเลนผยอง” หันมาใช้โค้ชคนคู่ เกมบุก เฉือน “ฉลามชล” ศึก เอล กลาซิโก้เมืองไทย

เกมในนัดนี้ ย้อนความไปนิดนึงนะครับ ก่อนที่เกมในนัดนี้จะได้เริ่มต้นขึ้น มีกระแส ข่าว มากมาย เกี่ยวกับ พลพรรค “กิเลน” ว่าพวกเขา กำลังจะเสียงเฮดโค้ช จอมแฟชั่น อย่างมาริโอ และ กำลังจะได้ มิลอส โจซิค มาคุมทัพแทน

ซึ่ง เรื่องก็เหมือนจะจบด้วยการที่ โจซิค มาคุมทัพแทน แต่อยู่ๆมาริโอ ก็เลือกที่จะคุมต่อ

โดยมี มิลอส โจซิค มาเป็นมือขวา ขันเกมรับของทีม ร่วมกับ ดายโย่ ที่ยังอยู่เป็นเงาตามตัวมาริโอ ไม่ไปไหน ทำให้ เกมในนัดนี้ ยิ่งทวีคูณ ความสนุกเข้าไปใหญ่ เพราะ พวกเขา ต้องออกมาเยือย ชลบุรี ที่มี โค้ชเตี้ย สะสม พบประเสริฐ คุมทัพ อยู่ และทุกๆ ครั้ง ที่มาริโอ จะไป ๆ และยังอยู่ ผลงานของพวกเขาเกมแรกหลังจากกลับมา https://unitedteamsports.com/

เกมในนัดนี้

มักดี เสมอ และเกมนี้ก็เป็นเช่นนั้น และนี่คือสิ่งที่ผมเห็น ในศึก เอล กลาซิโก้เมืองไทย ในเกมที่ผ่านมา อย่างแรก ความสนุกของ เอล กลาซิโก้เมืองไทย เหมือนจะกลับมาอีกครั้ง ด้วยที่ทั้งสองทีมไม่ใช่ทีมที่เงินถุงเงินถังเหมือนแต่ก่อน เน้นเดินหน้าสร้างดาวรุ่งมาประดับทีม เป็นส่วนใหญ่ บวกกับเจ้าบ้าน ได้ตัวหลักๆ กลับมาแต่ก็ยังไม่ฟิตพอ

ที่จะใส่เกินร้อย ทำให้เกมนี้ค่อนข้างจะสูสี และเปิดแลกกันอย่างสนุกพอควร เพราะนักเตะแกนหลักต่างชาติ ผสม ดาวรุ่งตัวไทย ซึ่งทั้งสองเป็นเช่นนั้น และความมันส์ ที่เคยมีในอดีตมันกลับมาประทุอีกครั้งที่เกมในค่ำคืนนี้ ซึ่งถ้าใครได้ดู แม้มันจะไม่ได้ยิงระเบิดถล่มประตูอย่าง บ้าคลั่ง แต่มันเต็มไปด้วย กลยุทธ์ ที่ทั้งสองสาดใส่กันในสนาม และไม่มีใครกลัวใคร แม้จะเตะที่บ้าน ชลบุรี ก็ตาม อย่างที่สอง

มาริโอยูรอฟสกี้ ไม่ดื้อแล้ว รู้วิธี จัดการกับการคว้าชัยชนะ แม้ตัวผู้เล่นในเกมนี้จะเหลือน้อยกว่า ก็ตาม หลังจากได้ประตูออกนำมาริโอ มีการเปลี่ยนตัวนักเตะเพื่อฆ่าเวลา และที่สำคัญ เน้น ไปที่เกมรับแบบมีระบบ และ ระเบียบ

เอล กลาซิโก้เมืองไทย ที่ “กิเลนผยอง” บุกเฉือน “ฉลามชล” คารัง มามองกันว่าในเกมนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง หลัง โค้ชคนคู่ หรือ คนคี่ ดี ของ “กิเลนผยอง” ประเดิมชัย ทันที

ซึ่งถ้าดูๆ หลังจาก ชลบุรี ถูกออกนำ ก็เป็นฝ่ายเปิดเกมรุกหาประตู ตีเสมอ แต่น้อยครั้งมากที่จะมีโอกาสได้ตะบัน จ่อๆ ให้ ผู้รักษาประตูได้เซฟ ซึ่งถือว่า 1 เครดิต ที่ควรยกย่อง ก็ต้องมอบให้ตัว มาริโอและ โค้ชคนคู่อย่าง มิลอส โจซิค ด้วย ที่เข้ามาขันเกมรับ “กิเลนผยอง” และ ช่วยหยุดความบ้าดีเดือด ที่เกินไปหน่อย ของมาริโอ ได้เป็นอย่างดี

เพราะถ้า สังเกตุ ทั้งคู่พูดคุยกัน ตลอดเวลายืนอยู่ข้างสนาม และปรึกษากันตลอด ซึ่งมาริโอ ทำบอลเกมบุกตาม “มาริโอเวย์” และอีกอย่าง การขึ้นเกมจากแดนหลัง ที่หลายคนเรียกว่า “บิวท์ อัพ” พอ “บิวท์ อัพ” ไม่ได้มาริโอ ก็ไม่ดื้นให้ลูกทีมเล่นแล้ว เราจะสังเกตุได้จากการ เปิดยาวเวลาลูกออกหลัง ของผู้รักษาประตู ที่ไม่ได้ ดันทุรัง

เล่นหน้าปากประตูตัวเอง และพลาดโดนลงโทษอีกแล้ว ส่วน มิลอส เข้ามายกระดับ เกมรับ ให้ดูมีชั้นเชิงมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ แบบเกม บุรีรัมย์ ซึ่งถือว่าเป็ นการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม และหวังว่าจะยืนระยะต่อไปได้นานๆ